กระทรวงมหาดไทยโดยกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นได้ดําเนินโครงการถังขยะเปียก ลดโลกร้อนขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ประเทศไทย ตั้งแต่ พ.ศ. 2562 โดยให้จังหวัดส่งเสริมให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นสนับสนุนการจัดทำถังขยะเปียกให้ครบทุกครัวเรือน (ยกเว้นกรุงเทพมหานคร) รวมถึงศูนย์พัฒนาเด็กเล็กและสถานศึกษาในสังกัดองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นทุกแห่ง โดยกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นในฐานะผู้พัฒนาโครงการได้ดำเนินการขึ้นทะเบียนโครงการถังขยะเปียก ลดโลกร้อนขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เป็นโครงการลดก๊าซเรือนกระจกภาคสมัครใจในประเทศไทย หรือ Thailand Voluntary Emission Reduction Program: T-VER กับองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (องค์การมหาชน) เมื่อวันที่ 30 กรกฎาคม 2562 ประกอบด้วยครัวเรือน 36,644,309 ครัวเรือน โรงเรียนในสังกัดองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น 1,701 แห่ง และศูนย์พัฒนาเด็กเล็กในสังกัดองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น 18,935 แห่ง โดยมีระยะเวลาคิดเครดิตของโครงการ ตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2562 – 30 มิถุนายน 2569 หรือระยะเวลา 7 ปี และคาดว่าจะสามารถลดปริมาณก๊าซเรือนกระจกได้ 492,212 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่าต่อปี
ตลาดคาร์บอนเครดิต (Carbon Market)
-
เครื่องมือที่ใช้บรรเทาผลกระทบจากภาวะโลกร้อนที่สามารถทำให้ก๊าซเรือนกระจกสุทธิลดลงด้วยต้นทุนที่ต่ำที่สุด โดยทำให้ผู้ประกอบการที่ปล่อยมลพิษ
หรือปล่อยก๊าซเรือนกระจกมีต้นทุนในปล่อยก๊าซเรือนกระจกและต้องชดเชยผลกระทบจากการปล่อยก๊าซเรือนกระจก
-
ก่อให้เกิดผลประโยชน์ทางด้านเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน
ตลาดคาร์บอนในประเทศไทย
-
ดำเนินการในรูปแบบ “ตลาดคาร์บอนแบบภาคสมัครใจ”
-
องค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (องค์การมหาชน) ริเริ่มให้การรับรองโครงการลดก๊าซเรือนกระจกภาคสมัครใจตามมาตรฐานของ
ประเทศไทย (T-VER) ในปี 2557 เพื่อสนับสนุนให้ทุกภาคส่วน โดยเฉพาะผู้พัฒนาโครงการรายเล็ก มีส่วนร่วมในการลดก๊าซเรือนกระจก
ในประเทศโดยความสมัครใจ
-
คาร์บอนเครดิตที่ได้รับการรับรองจากโครงการดังกล่าวจะเรียกว่า เครดิต TVERs สามารถนำไปใช้ประโยชน์ในการชดเชยคาร์บอน
(Carbon Offsetting) ผ่านปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจก (Carbon Footprint) ทั้งในระดับองค์กร ผลิตภัณฑ์ อีเว้นท์ (Events)
รวมถึงการใช้ชีวิตประจำวันได้
ปัจจุบัน ประเทศไทยอยู่ระหว่างการพัฒนาตลาดคาร์บอนเครดิตให้มีประสิทธิภาพ โดยการพัฒนาตลาดคาร์บอนเครดิตถูกกำหนดไว้
ในแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 13 ภายใต้กลยุทธ์การพัฒนาที่ 1 การขับเคลื่อนสังคมและเศรษฐกิจไทยด้วยดิจิทัล กลยุทธ์ย่อย
ที่ 1.3 พัฒนาให้เกิดการนำเทคโนโลยีมาใช้ในการบริหารจัดการโครงสร้างพื้นฐานและการให้บริการสาธารณะของภาครัฐเพิ่มขึ้น
โดยส่งเสริมการสร้างแพลตฟอร์มดิจิทัลเพื่อรองรับการพัฒนาในมิติต่าง ๆ อาทิ การพัฒนาแพลตฟอร์มซื้อขายพลังงาน
การพัฒนาแฟลตฟอร์มตลาดคาร์บอน การพัฒนาเมืองอัจฉริยะการให้บริการการแพทย์ทางไกล การจัดการศึกษาออนไลน์
คาร์บอนเครดิตจากโครงการถังขยะเปียก ลดโลกร้อน
ขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ประเทศไทย
มีคุณค่า (Valuable) และแตกต่าง (difference)
จากคาร์บอนเครดิตโครงการอื่นๆ อย่างไร
-
เป็นโครงการที่มีประชาชนมีส่วนร่วม
ในการจัดทำถังขยะเปียก ลดโลกร้อน
ระดับครัวเรือนกว่า 36 ล้านคน
เพื่อมุ่งสู่ผลสัมฤทธิ์ขั้นสูง
(Ultimate Outcome)
ในการลดก๊าซเรือนกระจกที่เป็นสาเหตุ
ให้เกิดภาวะโลกร้อน
-
ก่อให้เกิดประโยชน์ภาพรวม (Utilities)
แก่ประชาชน ชุมชน
และหน่วยงานภาครัฐในหลายมิติ
-
คาร์บอนเครดิตที่ได้จากโครงการมีที่มาจากการบูรณาการ
การดำเนินงานและความร่วมมือระหว่างหน่วยงานรัฐ
ตั้งแต่ระดับจังหวัด อำเภอ และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
-
ภายใต้การนำของผู้บริหารกระทรวงมหาดไทยผ่านแนวคิด
“ผู้นำทำก่อน” ที่เป็นแบบอย่างและสร้างความตระหนักรู้
แก่ประชาชนในจัดทำถังขยะเปียก ลดโลกร้อน
-
สอดคล้องกับการประกาศเจตนารมณ์ของกระทรวง
มหาดไทยกับสหประชาชาติประจำประเทศไทย “76 จังหวัด 76 คำมั่นสัญญา"
เพื่อการพัฒนา เพื่อความเท่าเทียม >
เพื่อความยั่งยืน “โลกนี้เพื่อเรา”
ประโยชน์ที่ได้จากการดำเนินโครงการ
ถังขยะเปียก ลดโลกร้อน
ประโยชน์ต่อประชาชน
ได้รับประโยชน์จากการนำสารบำรุงดินที่ได้จากการย่อยสลายของขยะเปียกหรือขยะอินทรีย์สำหรับปลูกต้นไม้และผักสวนครัวในครัวเรือน
ซึ่งเป็นการลดค่าใช้จ่าย (cost saving) ของครัวเรือน (การปลูกผักสวนครัวในครัวเรือนประหยัดค่าใช้จ่ายเฉลี่ย 50 บาท/ครัวเรือน/วัน)
ประโยชน์ต่อองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
การติดตั้งถังขยะเปียกลดโลกร้อนสามารถลดภาระค่าใช้จ่ายในการจัดการขยะขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (local administration
expenditure reduction) ได้ประมาณ 4,600 ล้านบาทต่อปี
ประโยชน์ต่อประชาชน และชุมชนในเขตพื้นที่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
รายได้จากการขายคาร์บอนเครดิตที่ได้จากการดำเนินโครงการ จะกลับคืนสู่ประชาชนและครัวเรือนที่เป็นเจ้าของคาร์บอนเครดิต
โดยจะถูกนำไปดำเนินโครงการที่ได้รับ ความเห็นชอบจากการประชาคมในพื้นที่ เช่น นำรายได้จากคาร์บอนเครดิต ไปดำเนิน
(1) โครงการด้านความหลากหลายทางชีวภาพ (2) โครงการด้านการพัฒนาแหล่งน้ำ (3) โครงการด้านการศึกษา และวัฒนธรรมชุมชน
(4) โครงการด้านส่งเสริมสวัสดิการ/สวัสดิภาพพนักงาน (5) โครงการส่งเสริมการพัฒนาชุมชนอย่างยั่งยืน และ (6) โครงการที่ส่งเสริมด้านสุขภาพและกีฬา
ประโยชน์ต่อชุมชน สังคม และโลก
สามารถลดปริมาณขยะเปียกหรือขยะเศษอาหารได้ 3.3 ล้านตันต่อปี เทียบเท่ากับการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้
ซึ่งปริมาณก๊าซเรือนกระจกที่ลดได้นั้น เทียบเท่ากับการปลูกต้นไม้ 41 ล้านตัน/ปี 492,212 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่าต่อปี
และยังเป็นการขับเคลื่อนประเทศไทยสู่เป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) และการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นศูนย์
(Net Zero Emissions)
มาตรฐานคาร์บอนเครดิตโครงการถังขยะเปียก ลดโลกร้อนได้ผ่านการรับรอง
คาร์บอนเครดิตโดยคณะกรรมการองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก
-
คณะอนุกรรมการพิจารณาโครงการลดก๊าซเรือนกระจกในคราวการประชุมครั้งที่ 1/2566 เมื่อวันที่ 8 กุมภาพันธ์
2566 ได้พิจารณาให้ความเห็นชอบต่อการรับรองปริมาณก๊าซเรือนกระจก “โครงการถังขยะเปียก ลดโลกร้อนของ
องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ประเทศไทย ระหว่างช่วงเวลา 1 กรกฎาคม 2562 – 30 กันยายน 2565
จำนวน 3,140 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า ซึ่งเป็นการรับรองปริมาณก๊าซเรือนกระจกในขั้นต้น
-
คณะกรรมการองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจกในคราวการประชุมครั้งที่ 1/2566 เมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์
2566 ได้พิจารณาให้ความเห็นชอบและรับรองปริมาณก๊าซเรือนกระจกจากการดำเนินโครงการถังขยะเปียก
ลดโลกร้อนขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ประเทศไทย จำนวน 3,140 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า